1. Black Opium Eau de Parfum โดย Yves Saint Laurent

Black Opium Eau de Parfum จาก Yves Saint Laurent เป็นน้ำหอมที่โดดเด่นและเย้ายวน ซึ่งครองใจผู้หญิงทั่วโลกตั้งแต่เปิดตัวในปี 2014 ด้วยการผสมผสานที่ไม่เหมือนใครระหว่างกลิ่นกาแฟเข้มข้น ดอกไม้สดใส และวานิลลาอันอบอุ่น น้ำหอมนี้สะท้อนถึงความเป็นผู้หญิงยุคใหม่ ความมั่นใจ และความสง่างาม ด้านล่างนี้คือรีวิวเชิงลึกของน้ำหอมที่เป็นไอคอนนี้
https://basenotes.com/fragrances/black-opium-eau-de-parfum-by-yves-saint-laurent.26142599
โปรไฟล์น้ำหอม
ประเภทน้ำหอม: Oriental-Gourmand
Black Opium มีเอกลักษณ์ด้วยองค์ประกอบที่เข้มข้นและมีชีวิตชีวา สร้างความสมดุลระหว่างองค์ประกอบของแสงและความมืด น้ำหอมเริ่มต้นด้วยโน้ตผลไม้และเครื่องเทศ จากนั้นเปลี่ยนไปสู่หัวใจของกลิ่นกาแฟและมะลิ และปิดท้ายด้วยฐานกลิ่นวานิลลา แพทชูลี่ และไม้ซีดาร์
โน้ตบน (Top Notes):
- พริกไทยชมพู
- ดอกส้ม
- ลูกแพร์
โน้ตกลาง (Heart Notes):
- กาแฟ
- มะลิ
โน้ตฐาน (Base Notes):
- วานิลลา
- แพทชูลี่
- ไม้ซีดาร์
การจับคู่ระหว่างความขมของกาแฟและความสดใสของดอกไม้สีขาวสร้างกลิ่นที่ชวนหลงใหล ทั้งกล้าและสง่างาม
https://www.fragrantica.com/perfume/Yves-Saint-Laurent/Black-Opium-25324.html
ดีไซน์ขวดน้ำหอม
ขวดน้ำหอม Black Opium มีความโดดเด่นไม่แพ้กลิ่นน้ำหอม ออกแบบให้คล้ายกับเพชรสีดำ ประดับด้วยกลิตเตอร์สีดำที่สะท้อนถึงความเย้ายวนและความงามยามค่ำคืน หน้าต่างวงกลมตรงกลางเผยให้เห็นน้ำหอมสีอำพันด้านใน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นผู้หญิงภายในความแข็งแกร่ง ดีไซน์นี้สะท้อนถึงแก่นแท้ของน้ำหอมได้อย่างลงตัว—สมดุลระหว่างความลึกลับและเสน่ห์
ความติดทนนานและการกระจายกลิ่น
หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นของ Black Opium คือความติดทนนาน เพียงฉีดเล็กน้อยบนจุดชีพจร เช่น ข้อมือ คอ หรือหลังใบหู กลิ่นจะคงอยู่ตลอดทั้งวันหรือทั้งคืน การกระจายกลิ่น (Sillage) อยู่ในระดับปานกลางถึงเข้มข้น ทำให้คุณทิ้งความประทับใจไว้ทุกที่ที่ไป
โอกาสในการใช้งาน
Black Opium Eau de Parfum มีความหลากหลายในการใช้งาน แต่เหมาะกับการใช้งานในช่วงเย็นมากกว่าเนื่องจากลักษณะกลิ่นที่เย้ายวนและโดดเด่น เหมาะสำหรับ:
- งานกลางคืนหรือปาร์ตี้
- ดินเนอร์สุดโรแมนติก
- ฤดูหนาวหรือฤดูใบไม้ร่วง
ฐานกลิ่นวานิลลาอันอบอุ่นทำให้เหมาะกับบรรยากาศที่แสนสบาย ในขณะที่โน้ตกาแฟเพิ่มสัมผัสแห่งพลังสำหรับโอกาสพิเศษ
ความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน
Yves Saint Laurent แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนผ่าน Black Opium โดยใช้วานิลลาบูร์บองที่ได้จากการจัดหาอย่างยั่งยืนจากมาดากัสการ์ ในขณะที่แพทชูลี่ถูกจัดหาจากอินโดนีเซีย นอกจากนี้ แอลกอฮอล์จากพืชในสูตรยังมาจากฝรั่งเศส และบรรจุภัณฑ์สามารถรีไซเคิลได้พร้อมใบรับรอง FSC
เหตุผลที่ควรเลือก Black Opium
- องค์ประกอบที่ไม่เหมือนใคร: การจับคู่ระหว่างกาแฟเข้มและดอกไม้สดใสสร้างกลิ่นที่น่าจดจำ
- ความหลากหลาย: เหมาะสำหรับทั้งการออกไปเที่ยวแบบสบาย ๆ และงานสุดหรู
- เสน่ห์แห่งผู้หญิงยุคใหม่: สะท้อนถึงความมั่นใจและสง่างาม
- ยั่งยืน: การจัดหาอย่างมีจริยธรรมของส่วนผสมหลักเพิ่มคุณค่าให้กับน้ำหอมสุดหรูนี้
บทสรุป
Black Opium Eau de Parfum โดย Yves Saint Laurent ไม่ใช่แค่น้ำหอม แต่เป็นคำประกาศแห่งเสน่ห์และความสง่างามยุคใหม่ ด้วยการผสมผสานระหว่างกาแฟ ดอกไม้ และวานิลลาในขวดสุดวิจิตร น้ำหอมนี้ยังคงเป็นหนึ่งในสินค้าขายดีของ YSL ไม่ว่าคุณจะต้องการสร้างความประทับใจในงานกลางคืนหรือเพียงต้องการสัมผัสกับความหรูหราในทุกวัน Black Opium คือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้หญิงที่กล้าโดดเด่น!
2.Givenchy III – น้ำหอม Chypre สุดคลาสสิกที่ไร้กาลเวลา
Givenchy III เปิดตัวในปี 1970 เป็นน้ำหอมกลิ่น Chypre สุดคลาสสิกที่สะท้อนถึงความสง่างามและความหรูหราของแบรนด์ Givenchy น้ำหอมนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการเปิดบูติกของ Givenchy ที่ 3 Avenue George V ในกรุงปารีส ถือเป็นการแสดงออกถึงความงดงามของแฟชั่นชั้นสูงและความหรูหราเหนือกาลเวลา ด้วยองค์ประกอบที่ผสมผสานระหว่างกลิ่นเขียวสดชื่น ดอกไม้ และฐานกลิ่นมอส Givenchy III ยังคงเป็นหนึ่งในน้ำหอมที่โดดเด่นในโลกแห่งการปรุงน้ำหอม ด้านล่างนี้คือรีวิวเชิงลึกของน้ำหอมสุดไอคอนนี้

https://www.fragrantica.com/perfume/Givenchy/Givenchy-III-1962.html
https://basenotes.com/fragrances/givenchy-iii-by-givenchy.10211535
โปรไฟล์น้ำหอม
ประเภทน้ำหอม: Chypre Floral-Green
Givenchy III เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างกลิ่นเขียวสดชื่น ดอกไม้ที่ละเอียดอ่อน และฐานกลิ่นที่อบอุ่นและลุ่มลึก องค์ประกอบของน้ำหอมนี้พัฒนาอย่างงดงามเมื่อเวลาผ่านไป มอบประสบการณ์ทางกลิ่นที่หลากหลายและน่าประทับใจ
โน้ตบน (Top Notes):
- อัลดีไฮด์
- เบอร์กาม็อท
- ส้มแมนดาริน
- กัลบานัม
- ลูกพีช
- การ์ดีเนีย
เปิดตัวด้วยกลิ่นสดชื่นและเขียวขจี ความคมชัดของกัลบานัมและอัลดีไฮด์ถูกปรับสมดุลด้วยความหวานจากลูกพีชและแมนดาริน กลิ่นนี้ให้ความรู้สึกสดใสแต่ยังคงความสง่างาม
โน้ตกลาง (Heart Notes):
- ลิลลี่ออฟเดอะวัลเลย์
- ไฮยาซินธ์
- กุหลาบ
- มะลิ
- ไอริสรูท
หัวใจของน้ำหอมเผยให้เห็นช่อดอกไม้ที่หรูหรา โดยมีมะลิและกุหลาบเป็นจุดเด่น โน้ตดอกไม้เหล่านี้ให้ความรู้สึกสง่างามและเป็นผู้ใหญ่โดยปราศจากความหวานเกินไป
โน้ตฐาน (Base Notes):
- แพทชูลี่
- มอสโอ๊ค
- อำพัน
- ไม้จันทน์
ฐานกลิ่นคือจุดเด่นของ Givenchy III มอสโอ๊คและแพทชูลี่สร้างความลุ่มลึก ในขณะที่อำพันและไม้จันทน์เพิ่มความอบอุ่นและเย้ายวน การแห้งตัวของกลิ่นทำให้รู้สึกเหมือนเดินผ่านป่าที่เปียกชื้นในยามรุ่งเช้า
ดีไซน์ขวดน้ำหอม
ดีไซน์ขวดน้ำหอมดั้งเดิมโดย Pierre Dinand มีความเรียบง่ายแต่สง่างาม—รูปทรงลูกบาศก์พร้อมการตกแต่งสีทองที่สะท้อนถึงความคลาสสิกเหนือกาลเวลา ในปี 2007 Givenchy ได้เปิดตัว Givenchy III อีกครั้งในคอลเลกชัน Les Mythiques พร้อมดีไซน์ขวดใหม่ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ในขณะเดียวกันก็เพิ่มสัมผัสแห่งความทันสมัย
ความติดทนนานและการกระจายกลิ่น
Givenchy III มีระดับความติดทนนานปานกลาง โดยสามารถอยู่บนผิวได้ประมาณ 6–8 ชั่วโมง การกระจายกลิ่น (Sillage) มีความละเอียดอ่อนแต่ยังคงสร้างความประทับใจ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกลิ่นที่ไม่ฉุนเกินไปแต่ยังคงมีเอกลักษณ์ แม้ว่าจะไม่ติดทนนานเท่าน้ำหอมยุคใหม่ แต่การพัฒนากลิ่นบนผิวถือว่าคุ้มค่ากับการฉีดซ้ำ
โอกาสในการใช้งาน
Givenchy III มีความหลากหลายในการใช้งาน แต่เหมาะสำหรับโอกาสทางการหรือกึ่งทางการเนื่องจากบุคลิกที่สง่างาม เหมาะสำหรับ:
- งานกลางวันในฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วง
- การประชุมทางธุรกิจที่ต้องการแสดงถึงความมั่นใจ
- ดินเนอร์ช่วงเย็นหรือกิจกรรมทางวัฒนธรรม
ความสดชื่นจากโน้ตเขียวทำให้เหมาะกับการใช้งานในช่วงกลางวัน ในขณะที่ฐานกลิ่นอบอุ่นเปลี่ยนไปสู่บรรยากาศยามค่ำคืนได้อย่างลงตัว
คุณค่าทางประวัติศาสตร์
Givenchy III ถือเป็นหนึ่งในน้ำหอมกลิ่น Chypre ที่สำคัญที่สุดในยุค 1970 การใช้มอสโอ๊คแท้ (ก่อนที่จะมีข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ) ทำให้น้ำหอมนี้มีเอกลักษณ์ที่สูตรปรุงใหม่ในยุคปัจจุบันไม่สามารถเทียบได้ น้ำหอมนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ Hubert de Givenchy เกี่ยวกับผู้หญิง—สง่างาม มั่นใจ และไร้กาลเวลา
เหตุผลที่ควรเลือก Givenchy III
- เอกลักษณ์แห่ง Chypre คลาสสิก: โน้ตเขียว ดอกไม้ และมอสที่สมดุลอย่างลงตัวทำให้น้ำหอมนี้ไร้กาลเวลา
- หลากหลาย: เหมาะสำหรับทั้งงานกลางวันสุดสง่างามและงานเย็นสุดประณีต
- คุณค่าทางประวัติศาสตร์: เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์น้ำหอมที่สะท้อนถึงงานฝีมือแบบดั้งเดิม
- ดีไซน์ขวดสุดประณีต: ขวดในคอลเลกชัน Les Mythiques เพิ่มสัมผัสแห่งความทันสมัยให้กับคลาสสิควินเทจนี้
บทสรุป
Givenchy III ไม่ใช่แค่น้ำหอม แต่เป็นประสบการณ์ที่จะพาคุณย้อนกลับไปยังยุคแห่งแฟชั่นชั้นสูงของปารีสในปี 1970 ด้วยองค์ประกอบที่ปรุงแต่งอย่างเชี่ยวชาญระหว่างโน้ตเขียวสด ดอกไม้สุดประณีต และฐานกลิ่นลุ่มลึก น้ำหอมนี้ยังคงเป็นไอคอนในโลกแห่งการปรุงน้ำหอม ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนน้ำหอมวินเทจหรือกำลังมองหาอะไรบางอย่างที่ไร้กาลเวลา Givenchy III สมควรได้รับตำแหน่งในคอลเลกชันน้ำหอมของคุณ!